ประวัติความเป็นมาของภาพสีนำ้



     สีน้ำ คือ สีชนิดหนึ่งที่มีการใช้น้ำเป็นตัวทำละลายนั่นเอง โดยจะมีเนื้อสีผสมกับ gum arabic ที่เป็นตัวยึดเนื้อสีเข้าด้วยกัน สีน้ำจะให้เอฟเฟคที่ใส และโดยปกติจะไม่นิยมผสมสีขาว ต่างจากสีน้ำมันที่สามารถระบายทับหลายๆชั้นได้เรี่อยๆและมีการผสมสีขาวเพื่อให้สีอ่อนลง สีน้ำจะใช้การเว้นขาวแทนการผสมขาว และสีน้ำถ้าระบายจางๆอาจจะกลายเป็นสีอื่นได้ เช่น สี vermillion หรือแดงอุ่นระบายจางๆจะกลายเป็นสีชมพู ยิ่งระบายจางมาก ยิ่งเห็นพื้นผิวของกระดาษมาก โดยปกติแล้วสีน้ำ จะลงบนกระดาษ แต่สามารถลงบนวัสดุอื่นๆอย่างผ้าใบ หรือ ผ้า ได้ด้วย แม้จะไม่ค่อยมีคนนิยมทำกัน ด้วยความที่เป็นสีทีคาดเดาผลที่ออกมาได้ยาก การลงสีน้ำจึงเป็นเรื่องท้าทาย ผู้ที่วาดสีน้ำจะต้องเรียนรู้การ improvise หรือการวาดโดยไม่ได้เตรียมผลที่เกิดขึ้นล่วงหน้า ให้สิ่งที่เกิดขึ้นจากการวาดเป็นผลของมันเอง       สีน้ำมีมาแต่สมัยโบราณตั้งแต่มนุษย์ยังเป็นมนุษย์ถ้ำกันอยู่ และใช้ในการจารึกมาตั้งแต่ยุคสมัยของอียิปโบราณ โดยการจารึกจะมีการผสมสีด้วยน้ำแล้ววาดลงไปบนผนังถ้ำด้วยนิ้่วมือหรือกระดูกสัตว์ ชาวอียิปต์โบราณใช้สีน้ำในการตกแต่งหลุมศพและวัดชาวญี่ปุ่นและชาวจีน มีการใช้สีน้ำในการวาดภาพพู่กันและวาดภาพวิวต่างๆ โดยได้รับการผสมผสานแนวทางนี้จากศิลปะตะวันตกในยุคกลาง นักบวชมีการใช้ tempera ในการจารึกคัมภีร์ พระคัมภีร์เหล่านี้ถือเป็นศิลปะชนิดหนึ่งเทียบเท่ากับงานศิลปะที่วาดบนขาตั้งภาพ ใช้เวลาหลายปีจึงจะเสร็จ จากนั้นมีการลอกภาพเหล่านี้ลงบนหนังแกะ และมีการตกแต่งด้วยภาพสัญลักษณ์ต่างๆ หนังสือที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นได้แก่ ของ พี่น้องLimbourg, Paul, Herman, และ Jean (Flemish, c.1385-c.1416)กระดาษก็เป็นสิ่งสำคัญในการวาดสีน้ำ โดยยุคแรกๆกระดาษผลิตที่จีน อาหรับเรียนรู้เทคนิคการทำกระดาษตั้งแต่ศษววรษที่ 8 กระดาษถูกนำเข้ามาในยุโรป จนกระทั่งในปี 1276 โรงงานกระดาษแห่งแรกในยุโรปได้มีการตั้งขึ้นที่ประเทศอิตาลี ในขณะที่อังกฤษมีการก่อตั้งโรงงานแห่งแรกในปี 1495 แต่กระดาษคุณภาพสูงมีการสร้างขึ้นในช่วงศษวรรษที่ 18

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น